CMS
CMS ย่อมาจากคำว่า Content Management System
CMS คือ ระบบซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้เพื่อจัดระเบียบเนื้อหาเว็บไซต์
หลักการทำงาน
ระบบจัดการแบ่งแยกการทำงานระหว่างเนื้อหา
(Content) ออกจากการออกแบบ (Design) โดยการออกแบบเว็บเพจจะถูกจัดเก็บไว้ในแม่แบบ (Templates/ Themes)ในขณะที่เนื้อหาถูกจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลหรือไฟล์
เมื่อใดที่มีการเรียกใช้งานจะมีการทำงานร่วมกันระหว่าง 2 ส่วน
เพื่อสร้างเว็บเพจขึ้นมา
ประเภท
แบ่งออกเป็น8ประเภท
•
เว็บบล็อก (Weblog) - เป็น CMS ใช้สำหรับการจดบันทึกหรือเขียนบันทึกเผยแพร่ส่วนบุคคล
•
อีคอมเมิร์ช (e-Commerce)
- เป็น CMS ใช้สำหรับทำร้านค้า Online มีความสามารถใช้ในการซื้อขายสินค้า
•
อีเลิร์นนิ่ง (e-Learning)
- เป็น CMS ใช้สำหรับการทำสื่อการเรียนการสอน
หรือบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนบนเว็บ
•
กระดานข่าว (Forums) - เป็น CMS ใช้สำหรับถามตอบปัญหาหรือสร้างเป็นชุมชนต่างๆโดยมีการแบ่งเป็นหัวข้อหรือหมวดหมู่ต่างๆ
ตามความสนใจของผู้เข้าชม
•
กรุ๊ปแวร์ (Groupware) - เป็น CMS ใช้สำหรับการทำงานในองค์กรหรือหน่วยงานที่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน
มีความรวดเร็วในการทำงาน
•
อัลบั้มภาพ (Image Galleries) - เป็น CMS ใช้สำหรับจัดการอัลบั้มภาพ
•
พอร์ททัล (Portals) - เป็น CMS ใช้เป็นหน้าหลักของเว็บไซต์
•
วิกิ (Wiki) - เป็น CMS ที่อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มเติมและแก้ไขเนื้อหาได้โดยง่าย
เหมือนกับการเขียนบทความร่วมกัน
การประยุกต์ใช้งาน CMS ในด้านต่างๆ
•
นำมาใช้ในการสร้างเว็บไซต์แนะนำหน่วยงาน
ใช้ในการนิเทศนักศึกษาฝึกงาน ใช้ประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่างๆ ใช้เป็นระบบอินทราเน็ต
เป็นต้น
•
นำมาใช้ในการสร้างเว็บไซต์ของธุรกิจ
ใช้ในการแนะนำสินค้าหรือซื้อขายสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
•
หน่วยงานอื่นๆ
นำมาใช้ในการสร้างเว็บไซต์หน่วยงานนั้นๆ ใช้ในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ
ของหน่วยงาน เป็นต้น
ข้อดีของ CMS
•
มีทั้งต่อผู้ดูแลเว็บไซต์(Webmasters) และผู้ใช้งานเว็บไซต์(Users)
•
ความสามารถในการใช้
Template และส่วนประกอบของการออกแบบ
ที่ครอบคลุมการออกแบบตลอดทั้งไซต์
•
ผู้ใช้งานเว็บไซต์สามารถใช้งาน
Template โดยนำมาประกอบกับเอกสารหรือเนื้อหา
ทำให้ช่วยลดภาระเรื่องการเขียนโค้ดให้น้อยลง
•
ผู้ใช้งานเว็บไซต์ให้ความสนใจเฉพาะเนื้อหามากกว่าการออกแบบ
และในการที่จะเปลี่ยนหน้าตาของเว็บไซต์ ผู้ดูแลเว็บไซต์ก็แค่ไปแก้ไขที่ template ไม่ใช่ที่แต่ละหน้าของเว็บเพจ
•
CMS จะช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
ในการสร้างและบำรุงรักษาเว็บไซต์
•
นอกจากนั้น
ถ้ามี Search engine, Calendar, Web mail และส่วนอื่นๆ
ที่สามารถเพิ่มเติมสู่ CMS หรือแม้กระทั่งไปหา Plug-in
หรือ Addonsเข้ามาเสริมการทำงานได้
ข้อเสียของ CMS
•
ในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการออกแบบทีม
(หน้าตาของเว็บ) เอง จะต้องใช้ความรู้มากกว่าปรกติ เนื่องจาก CMS มีหลายๆระบบมารวมกันทำให้เกิดความยุ่งยาก
สำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้
•
ผู้ใช้จะต้องศึกษาระบบ
CMS ที่ผู้พัฒนาสร้างขึ้นมา
เช่นจะต้องใส่ข้อความลงตรงไหน จะต้องแทรกภาพอย่างไร
ซึ่งจะลำบากเพียงแค่ช่วงแรกเท่านั้น
•
ในการใช้งานจริงนั้นจะมีความยุ่งยากในการ
set up ครั้งแรกกับ web server แต่ปัจจุบันก็มีผู้บริการ
web server มากมายที่เสนอลงและ set up ระบบ
CMS ให้ฟรีๆโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
LMS
LMS เป็นคำที่ย่อมาจาก Learning Management System หรือระบบการจัดการเรียนรู้
เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่บริหารจัดการเรียนการสอนผ่านเว็บ
โปรแกรมที่ใช้สร้างระบบ LMS มีอยู่ 2 ลักษณะ
•
1.ซอฟต์แวร์ฟรี (Open
Source LMS) ที่มีลิขสิทธิ์แบบ GPL เช่น
• Moodle (www.moodle.org)
•
2. ซอฟต์แวร์ที่บริษัทเอกชนพัฒนาเพื่อขายโดยเฉพาะ
(Commercial LMS) เช่น
• Blackboard
องค์ประกอบของระบบบริหารการเรียนการสอน LMS
ประกอบด้วย 5 ส่วนดังนี้
1. ระบบจัดการหลักสูตร (Course Management)
2. ระบบการสร้างบทเรียน
(Content Management)
3. ระบบการทดสอบและประเมินผล (Test and
Evaluation System)
4. ระบบส่งเสริมการเรียน
(Course Tools)
5. ระบบจัดการข้อมูล
(Data Management System)
ผู้ใช้งานในระบบ LMS
แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
•
กลุ่มผู้บริหารระบบ
(Administrator)
• กลุ่มอาจารย์หรือผู้สร้างเนื้อหาการเรียน (Instructor
/ Teacher):
• กลุ่มผู้เรียน (student/Guest):
ข้อดีของLMS
•
เครื่องมือบนระบบบริหารจัดการการเรียนรู้ที่ใช้ในการประเมินมีอยู่มากกว่า
30 รายการด้วยกัน
ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่เครื่องมือสำหรับการจัดระบบที่ไม่สลับซับซ้อน เช่น ปฏิทิน (calendar)ไปจนถึงเครื่องมือขั้นสูงที่
•
การพัฒนาระบบบริหารจัดการการเรียนรู้ในปัจจุบันไม่ได้จำกัดเฉพาะปริมาณของเครื่องมือ
แต่ยังครอบคลุมในด้านของคุณภาพของเครื่องมือบางประเภทด้วย
•
ระบบบริหารจัดการเรียนรู้ส่วนใหญ่ในขณะนี้สามารถนำไปเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ
•
มีระบบบริหารจัดการการเรียนรู้ที่
เป็น OpenSource
ข้อจำกัดของLMS
•
เครื่องมือต่างๆ
อันหลากหลายที่ได้รับการพัฒนามาแล้วนั้นยังไม่สามารถสนับสนุนการจัดการเรียนรู้เป็นไปตามหลักทางครุศาสตร์
(pedagogy-driven) ได้อย่างเต็มที่
•
ไม่ยืดหยุ่นพอสำหรับความต้องการในการออกแบบการเรียนของผู้สอนในสมัยใหม่
•
ระบบบริหารจัดการการเรียนรู้ส่วนใหญ่ยังไม่สนับสนุนการใช้ทรัพยากรการเรียนรู้ร่วมกัน
•
ระบบฯ
ที่มีเครื่องมือที่พร้อมไปด้วยเครื่องมือที่หลากหลาย กลับไม่ได้รับความนิยมนักในหมู่ผู้ใช้
•
ระบบส่วนใหญ่ยังเป็นเชิงพาณิชย์ ระบบส่วนใหญ่ยังมีราคาแพง
สมาชิก 53/24
นางสาวดุษฎี อาจคงหาญ 534116114
นางสาวลดาวรรณ สระทองหมาย 534116125
นางสาวสิเรียม ฟักช้าง 534116131
นางสาวกาญจนา อยู่เอี่ยม 534116158
E – Portfolio
E-Portfolio หรือ แฟ้มสะสมงานอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง
การเก็บรวบรวมผลงานที่แสดงความสามารถและความก้าวหน้าในการทำงานอย่างเป็นระบบ
ลักษณะ E- Portfolio
-เป็นการนำเสนอเอกลักษณ์ ปรัชญา
เป้าหมาย ทักษะ ความสามารถ ผลงานของเจ้าของ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
- ข้อมูลและเนื้อหาสาระมาจากแฟ้มผลงาน
(hard copy portfolio)
-ใช้เทคนิคการนำเสนอแบบ web จัดเรียงลำดับที่เพิ่มความน่าสนใจ
- สามารถจัดเก็บไว้ในเว็บไซด์หรือ
CD ก็ได้
ประเภท E- Portfolio
1. แฟ้มสะสมงานส่วนบุคคล ( Personal Portfolio )
เป็นแฟ้มที่แสดงข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเจ้าของแฟ้ม เช่น
ความสามารถพิเศษ กีฬา งานอดิเรก
สัตว์เลี้ยง การท่องเที่ยว และการร่วมกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น
2. แฟ้มสะสมงานเชิงวิชาชีพ ( Professional Portfolio)
เป็นแฟ้มที่แสดงผลงานเกี่ยวกับอาชีพ เช่น แฟ้มสะสมงานเพื่อใช้ในการสมัครงาน และแฟ้มสะสมงานเพื่อเสนอขอเลื่อนระดับ เป็นต้น
เป็นแฟ้มที่แสดงผลงานเกี่ยวกับอาชีพ เช่น แฟ้มสะสมงานเพื่อใช้ในการสมัครงาน และแฟ้มสะสมงานเพื่อเสนอขอเลื่อนระดับ เป็นต้น
3. แฟ้มสะสมงานเชิงวิชาการ (Academic
Portfolio) หรือ แฟ้มสําหรับนักเรียน (Student Portfolio)
เป็นแฟ้มที่แสดงผลเกี่ยวกับการเรียนเช่น
แฟ้มสะสมงานเพื่อใช้ประเมินผลการเรียนรู้ แฟ้มสะสมงานเพื่อใช้ประกอบการประเมินผล
4.
แฟ้มสะสมงานสําหรับโครงการ (Project Portfolio)
เป็นแฟ้มที่แสดงถึงความพยายามหรือขั้นตอนการทํางานในโครงการหนึ่ง
ๆ หรือในการศึกษาส่วนบุคคล ( Independent Study ) เช่น แฟ้มโครงงานวิทยาศาสตร์
ซึ่งในแฟ้มจะประกอบด้วยภาพของวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ และ แสดงขั้นตอนต่างๆ
ในการดําเนินงานจนได้ผลผลิตที่ต้องการปลายภาค/ปลายปี
รูปแบบการทำงาน E- Portfolio
การสร้างแฟ้มสะสมงานอิเล็กทรอนิกส์
ต้องมีเครื่องมือที่จะช่วยในการจัดระบบข้อมูลให้สะดวกในการใช้งานรูปแบบต่างๆ
ทั้งในการนำเสนอ การแก้ไข การเข้าถึง การเก็บผลงาน การเชื่อมโยงผลงาน
ปัจจุบันมีโปรแกรมสำเร็จรูปที่สามารถนำมาพัฒนาได้ในเวลาอันสั้น
ทั้งแบบที่ให้บริการที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ที่บุคคลทั่วไปสามารถใช้งานได้อย่างอิสระไม่มีการระบุตัวตนผู้ใช้ เช่น Mahara, Drupal, Google site, เป็นต้น
และแบบที่หน่วยงานหรือองค์กรเป็นเจ้าของเครือข่าย ต้องมีการระบุตัวตนผู้ใช้เช่น Blackboard,
สถาบันการศึกษาต่างๆ, องค์กร, หน่วยงาน เป็นต้น
การะประยุกต์ใช้กับการศึกษา
ด้านผู้เรียน E-Portfolio เป็นเครื่องมือในการประเมินตามสภาพจริง
เพื่อประเมินความก้าวหน้าของนักเรียนเป็นรายบุคคล
สามารถสะท้อนความรู้ความเข้าใจในการเรียนและระดับความสำเร็จของผู้เรียนจากผลงานที่ปรากฏ
ช่วยส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน
โดยผู้เรียนจะไม่เป็นแต่เพียงผู้รับเท่านั้น
แต่เป็นผู้ควบคุมการศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวของผู้เรียนเอง สร้างแรงจูงใจให้กับผู้เรียน
ให้ผู้เรียนมุ่งมั่นสร้างผลงานของตนเอง
ด้านบุคลากรใช้เป็นเครื่องมือในการจัดเก็บข้อมูลของบุคลากรที่แสดงถึงประวัติและผลงานหรือความสำเร็จการปฏิบัติงานของเจ้าของไว้อย่างเป็นระบบ
สะดวกต่อการใช้งาน และเป็นสื่อที่แสดงข้อมูลป้อนกลับกับต่อผู้สอนและผู้บริหารเพื่อพัฒนาการจัดศึกษาต่อไป
ข้อดี E- Portfolio
1. นําเสนอผลงานซึ่งสามารถจัดแสดงผลงานได้อย่างตรงจุดในสิ่งต้องการนําเสนอ
เช่น ข้อมูล ประวัติ หรือเนื้อหาต่างๆ
ที่จะชี้ให้เห็นศักยภาพของเจ้าของแฟ้มสะสมงาน
2. เข้าถึงผลงานโดยสะดวกเนื่องจากเป็นการนําเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดระบบผลงานทําให้ประหยัดเนื้อที่ที่เก็บผลงาน
ประหยัดเวลาในการสืบค้น และนําเสนอได้อย่างสะดวก
สามารถเข้าถึงกันได้ทั่วโลกผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
3.เก็บสะสมผลงานได้หลายรูปแบบ ทั้งรูปภาพ เสียง วิดีโอ ข้อความ
สื่อมัลติมีเดียต่างๆ
4.แก้ไขและปรับปรุงแฟ้มสะสมผลงานได้อย่างสะดวก สามารถปรับปรุงได้ทันที
ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าของแฟ้มสะสมผลงานในการพัฒนาแฟ้มของตน
5.เชื่อมโยงข้อมูลผลงานโดยสามารถอ้างอิงผลงานร่วมกันได้
เมื่อต้องการสําเนาผลงานไปยังหัวข้ออื่นๆ แฟ้มสะสมงานอิเล็กทรอนิกส์สามารถเชื่อมโยงเพื่อนําไปอ้างอิงได้สะดวก
ด้วยการใช้ไฮเปอร์ลิงค์หรือเครื่องมือต่างๆของแฟ้มสะสมงานประวัติส่วนตัวประวัติการศึกษาประวัติการทำงานผลงานต่างๆ
สมาชิก 53/24
นางสาวดุษฎี อาจคงหาญ 534116114
นางสาวลดาวรรณ สระทองหมาย 534116125
นางสาวสิเรียม ฟักช้าง 534116131
นางสาวกาญจนา อยู่เอี่ยม 534116158
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น